ราชันโหดไม่หยุดอัดชัคตาร์อีก 4-0
หน้า 1 จาก 1
ราชันโหดไม่หยุดอัดชัคตาร์อีก 4-0
16 กันยายน 2558
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดแรก ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาบิว ระหว่าง เรอัล มาดริด รองแชมป์ลา ลีกา สเปน เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ ชัคตาร์ โดเนทส์ก รองแชมป์ยูเครน พรีเมียร์ลีก
ราฟาเอล เบนิเตซ เทรนเนอร์เจ้าถิ่น ตัดสินใจส่ง ราฟาเอล วาราน กับ โทนี โครส ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังได้พักจากเกมลีกนัดล่าสุด ที่บุกถล่ม เอสปันญอล ขาดลอย 6-0 นอกนั้นยังเป็นแกนหลักขาประจำ นำโดย เคย์เลอร์ นาบาส (ผู้รักษาประตู), เซร์คิโอ รามอส, ลูก้า โมดริช และสามประสาน 'BBC' อย่าง แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา
ขณะที่ทีมเยือนของกุนซือ มีร์เซีย ลูเชสคู ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเกมลีกแต่อย่างใด แถมได้ ดาริโย เซอร์นา แบ็คขวาจอมเก๋าวัย 33 ปีพ้นโทษแบนกลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้ง นอกนั้นยังเป็นแกนหลักขาประจำเช่นกัน นำโดยสี่ทีเด็ดในแนวรุกอย่าง อเล็กซ์ เตเซรา, ไทสัน, มาร์ลอส และ โอเล็กซานเดอร์ กลาดกี้
เริ่มเกมมาได้เพียง 13 นาที เรอัล มาดริด พลาดโอกาสทองไปอย่างเหลือเชื่อ จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช ไหลขึ้นหน้าให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ พลิกหนีตัวประกบ ก่อนไหลเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ คาริม เบนเซมา แตะหนีผู้รักษาประตู แล้วซัดด้วยขวาโล่งๆ ข้ามคานออกไปอย่างน่าตาเฉย เล่นเอาแฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงโห่กันเกรียวกราว
Goal!! นาทีที่ 30 เจ้าถิ่นมาทำประตูออกนำไปก่อนจนได้ จากจังหวะที่ อิสโก้ เลี้ยงบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ซึ่งบอลเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่า อังเดร พาตอฟ ผู้รักษาประตู ชัคตาร์ฯ รับบอลหลุดมือไปเข้าทาง คาริม เบนเซมา วางเท้าแปด้วยขวาง่ายๆเข้าไปไม่เหลือ ช่วยให้มาดริดขึ้นนำ 1-0 ก่อนจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นในครึ่งหลัง เรอัล มาดริด ชิงเปลี่ยนตัวผู้เล่นก่อนทันที โดยถอดเอา ราฟาเอล วาราน แนวรับทีมชาติฝรั่งเศสที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง เปเป้ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟขาโหดทีมชาติโปรตุเกสลงมาเล่นแทน
Goal!! นาทีที่ 55 เรอัล มาดริด มาทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ คาริม เบนเซมา โชว์สเต็ปพริ้วโยกหลอกแนวรับ ชัคตาร์ ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนปาดเลียดเข้ากลางให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ จับหนึ่งจังหวะ ก่อนพลิกยิงด้วยซ้ายติดหลัง ดาริโย เซอร์นา ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินกลับให้เป็นลูกโทษกับ มาดริด หลังมองว่าบอลโดนมือ เซอร์นา แม้ดูจากภาพช้าจะไม่โดนก็ตาม และเป็น โรนัลโด้ สังหารเองเข้าไปไม่พลาด
นาทีที่ 60 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่ 3 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลาเยื้องไปทางฝั่งซ้าย และเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่งประจำทีมอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ รับหน้าที่ตะบันด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งเฉี่ยวคานออกหลังไปนิดเดียว
Goal!! 3 นาทีต่อมา ราชันชุดขาวจัดการบวกสกอร์ที่สามเพิ่มอีกจนได้ จากจังหวะที่ ดาเนียล การ์บาคัล เติมเกมขึ้นมาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แต่บอลไปโดนแขนของผู้เล่น ชัคตาร์ โดเนทส์ก ทำให้ผู้ตัดสินไม่รอช้าชี้เป็นจุดโทษครั้งที่สองแก่มาดริดทันที และเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ เจ้าเก่ารับหน้าที่สังหารเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบคม
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 81 เรอัล มาดริด มาทำประตูทิ้งห่างเป็น 4-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาที่ผู้เล่นเจ้าถิ่นเปิดมาตรงจุดนัดพบนอกกรอบให้ มาร์เซโล ดูดบอลแต่งเข้าซ้าย ก่อนฮาร์ฟวอลเลย์เต็มข้อ และเป็น อังเดร พาตอฟ พยายามล้มตัวปัดแล้ว แต่บอลไม่พ้นอันตรายไปเข้าหัวของ คริสเตียโน โรนัลโด้ โหม่งซ้ำจ่อๆเข้าไปไม่เหลือ พร้อมกับเป็นการทำแฮตทริค 2 เกมติดต่อกันของเจ้าตัวด้วย
นาทีที่ 84 เจ้าถิ่นเกือบมาได้ประตูที่ 5 จากจังหวะที่ มาร์เซโล หยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ โหม่งย้อนกลับมาตรงบริเวณหัวกระโหลกให้ คาริม เบนเซมา วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่ต้องจับ ทิศทางบอลกำลังจะพุ่งเสียบเสาไกลอยู่แล้ว แต่ว่า อังเดร พาตอฟ ยังปฏิกิริยาไวพุ่งปัดออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด
จบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่มเอาชนะ ชัคตาร์ โดเนทส์ก ไปอย่างขาดลอย 4-0 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของตารางกลุ่มเอ หลังมี 3 คะแนนเท่ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ประตูได้เสียดีกว่า 2 ประตู
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป มาดริด เตรียมเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ กรานาด้า ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เวลา 21.00 น. ขณะที่ ชัคตาร์ เตรียมเล่นในบ้านเจอกับ สตัล ดนิโปร ในวันและเวลาเดียวกัน
การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดแรก ที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาบิว ระหว่าง เรอัล มาดริด รองแชมป์ลา ลีกา สเปน เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ ชัคตาร์ โดเนทส์ก รองแชมป์ยูเครน พรีเมียร์ลีก
ราฟาเอล เบนิเตซ เทรนเนอร์เจ้าถิ่น ตัดสินใจส่ง ราฟาเอล วาราน กับ โทนี โครส ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังได้พักจากเกมลีกนัดล่าสุด ที่บุกถล่ม เอสปันญอล ขาดลอย 6-0 นอกนั้นยังเป็นแกนหลักขาประจำ นำโดย เคย์เลอร์ นาบาส (ผู้รักษาประตู), เซร์คิโอ รามอส, ลูก้า โมดริช และสามประสาน 'BBC' อย่าง แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา
ขณะที่ทีมเยือนของกุนซือ มีร์เซีย ลูเชสคู ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมจากเกมลีกแต่อย่างใด แถมได้ ดาริโย เซอร์นา แบ็คขวาจอมเก๋าวัย 33 ปีพ้นโทษแบนกลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้ง นอกนั้นยังเป็นแกนหลักขาประจำเช่นกัน นำโดยสี่ทีเด็ดในแนวรุกอย่าง อเล็กซ์ เตเซรา, ไทสัน, มาร์ลอส และ โอเล็กซานเดอร์ กลาดกี้
เริ่มเกมมาได้เพียง 13 นาที เรอัล มาดริด พลาดโอกาสทองไปอย่างเหลือเชื่อ จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช ไหลขึ้นหน้าให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ พลิกหนีตัวประกบ ก่อนไหลเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ คาริม เบนเซมา แตะหนีผู้รักษาประตู แล้วซัดด้วยขวาโล่งๆ ข้ามคานออกไปอย่างน่าตาเฉย เล่นเอาแฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงโห่กันเกรียวกราว
Goal!! นาทีที่ 30 เจ้าถิ่นมาทำประตูออกนำไปก่อนจนได้ จากจังหวะที่ อิสโก้ เลี้ยงบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนเปิดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ซึ่งบอลเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่า อังเดร พาตอฟ ผู้รักษาประตู ชัคตาร์ฯ รับบอลหลุดมือไปเข้าทาง คาริม เบนเซมา วางเท้าแปด้วยขวาง่ายๆเข้าไปไม่เหลือ ช่วยให้มาดริดขึ้นนำ 1-0 ก่อนจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นในครึ่งหลัง เรอัล มาดริด ชิงเปลี่ยนตัวผู้เล่นก่อนทันที โดยถอดเอา ราฟาเอล วาราน แนวรับทีมชาติฝรั่งเศสที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง เปเป้ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟขาโหดทีมชาติโปรตุเกสลงมาเล่นแทน
Goal!! นาทีที่ 55 เรอัล มาดริด มาทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ คาริม เบนเซมา โชว์สเต็ปพริ้วโยกหลอกแนวรับ ชัคตาร์ ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนปาดเลียดเข้ากลางให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ จับหนึ่งจังหวะ ก่อนพลิกยิงด้วยซ้ายติดหลัง ดาริโย เซอร์นา ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินกลับให้เป็นลูกโทษกับ มาดริด หลังมองว่าบอลโดนมือ เซอร์นา แม้ดูจากภาพช้าจะไม่โดนก็ตาม และเป็น โรนัลโด้ สังหารเองเข้าไปไม่พลาด
นาทีที่ 60 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่ 3 จากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลาเยื้องไปทางฝั่งซ้าย และเป็นเจ้าพ่อลูกนิ่งประจำทีมอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ รับหน้าที่ตะบันด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งเฉี่ยวคานออกหลังไปนิดเดียว
Goal!! 3 นาทีต่อมา ราชันชุดขาวจัดการบวกสกอร์ที่สามเพิ่มอีกจนได้ จากจังหวะที่ ดาเนียล การ์บาคัล เติมเกมขึ้นมาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แต่บอลไปโดนแขนของผู้เล่น ชัคตาร์ โดเนทส์ก ทำให้ผู้ตัดสินไม่รอช้าชี้เป็นจุดโทษครั้งที่สองแก่มาดริดทันที และเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ เจ้าเก่ารับหน้าที่สังหารเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบคม
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 81 เรอัล มาดริด มาทำประตูทิ้งห่างเป็น 4-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาที่ผู้เล่นเจ้าถิ่นเปิดมาตรงจุดนัดพบนอกกรอบให้ มาร์เซโล ดูดบอลแต่งเข้าซ้าย ก่อนฮาร์ฟวอลเลย์เต็มข้อ และเป็น อังเดร พาตอฟ พยายามล้มตัวปัดแล้ว แต่บอลไม่พ้นอันตรายไปเข้าหัวของ คริสเตียโน โรนัลโด้ โหม่งซ้ำจ่อๆเข้าไปไม่เหลือ พร้อมกับเป็นการทำแฮตทริค 2 เกมติดต่อกันของเจ้าตัวด้วย
นาทีที่ 84 เจ้าถิ่นเกือบมาได้ประตูที่ 5 จากจังหวะที่ มาร์เซโล หยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ โหม่งย้อนกลับมาตรงบริเวณหัวกระโหลกให้ คาริม เบนเซมา วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่ต้องจับ ทิศทางบอลกำลังจะพุ่งเสียบเสาไกลอยู่แล้ว แต่ว่า อังเดร พาตอฟ ยังปฏิกิริยาไวพุ่งปัดออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด
จบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่มเอาชนะ ชัคตาร์ โดเนทส์ก ไปอย่างขาดลอย 4-0 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของตารางกลุ่มเอ หลังมี 3 คะแนนเท่ากับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ประตูได้เสียดีกว่า 2 ประตู
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป มาดริด เตรียมเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ กรานาด้า ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ เวลา 21.00 น. ขณะที่ ชัคตาร์ เตรียมเล่นในบ้านเจอกับ สตัล ดนิโปร ในวันและเวลาเดียวกัน
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|