ซาเกร็บสุดแกร่งเปิดรังพังกระบอกปืน 2-117
หน้า 1 จาก 1
ซาเกร็บสุดแกร่งเปิดรังพังกระบอกปืน 2-117
17 กันยายน 2558
การแข่งขันฟตุบอลยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดแรก ที่สนามสตาดิโอน มัคซิเมียร์ ระหว่าง ดินาโม ซาเกร็บ แชมป์ลีกโครเอเซีย เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซนอล ตัวแทนอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
โซรัน มามิช นายใหญ่ซาเกร็บ พาลูกทำสถิติไม่แพ้คู่แข่งรวมทุกรายการเป็นนัดที่ 46 นัดติดต่อกัน แถมไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติ่มแต่อย่างใด ทว่าเกมนี้เลือกเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากเกมลีกนัดล่าสุด 2 ราย โดยส่ง อาริยาน อาเดมี กับ เอล อาร์บี ซูดานี ลงเป็นตัวจริงอีกครั้ง แล้วจัดการพัก มาร์โก้ ร็อก และ อันเจโล เอ็นริเกซ ดาวซัลโวของทีมไว้ที่ข้างสนาม
ขณะที่ อาร์เซนอล ของกุนซือ อาร์แซน เวงเกอร์ โลเตชั่นนักเตะจากเกมลีกหลายตำแหน่งพอสมควร โดยเปิดโอกาสให้ตัวสำรองอย่าง ดาวิด ออสปินา, มาติเยอ เดอบูชี, คีแรน กิ๊บบ์ส, มิเกล อาร์เตต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และใช้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยืนเป็นหน้าเป้าไล่ล่าตาข่ายอีกครั้ง
เริ่มเกมมาเพียง 8 นาที กลายเป็นทีมเยือนอย่าง อาร์เซนอล ที่หาโอกาสเปิดฉากทักทายก่อน จากจังหวะที่ ซานติ กาซอร์ลา เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายเข้ามาในเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ขึ้นโขกเน้นๆเต็มศรีษะ แต่ว่า เอดูอาร์โด้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นโชว์ซูเปอร์เซฟ ด้วยการพุ่งปัดสุดปลายมือออกหลังไป
นาทีที่ 17 อาร์เซนอล มาได้โอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง จากจังหวะที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนเปิดยัดเข้ากลางให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ชาร์จจังหวะแรกไปชนเสา ก่อนตามซ้ำจ่อๆ แต่ว่าถูก เอดูอาร์โด้ ปัดทิ้งออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด
แต่แล้วนาทีที่ 24 กลับกลายเป็นเจ้าบ้านที่มาทำประตูออกนำไปก่อน จากลูกที่ โดมาญอจ อันโตลิค บรรจงแทลทะลุช่องเข้าไปในกรอบเขตโทาฝั่งซ้ายให้ โจซิป พิวาริซ แตะแต่งหนึงจังหวะ ก่อนแปด้วยซ้ายติดเซฟ ดาวิด ออสปินา แต่ว่าบอลเจ้ากรรมดันกระดอนออกมาโดนหน้าแข้งของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เข้าประตูตัวเองไป ส่งให้ซาเกร็บขึ้นนำ 1-0
ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 40 สถานการณ์ของ อาร์เซนอล เริ่มเลวร้ายหนักไปกว่าเก่า เมื่อเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน จากจังหวะที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ไปทำฟาล์วผู้เล่น ซาเกร็บ บริเวณกลางสนาม ทำให้ผู้ตัดสินไม่รอช้าวิ่งเข้ามาแจกใบเหลืองให้ ชิรูด์ ทันที พร้อมกับเป็นใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไป ก่อนจบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่นยังรักษาสกอร์นำอยู่ 1-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้ไม่นาน นาทีที่ 58 เจ้าบ้านทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เปาโล มาชาโด้ เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ จูเนียร์ เฟอร์นันเดซ โฉบโหม่งตัดหน้า โลร็องต์ กอสเซียลนี เข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูที่ 4 ของเจ้าตัวในรายการนี้อีกด้วย
หลังจากรูปเกมยังไม่ดีขึ้น ทำให้นาทีที่ 65 อาร์แซน เวงเกอร์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่นครบทั้งสามรายทันที โดยถอดเอา คีแรน กิ๊บบ์ส, มิเกล อาร์เตต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง ฟรองซิส โกเกอแล็ง, โจเอล แคมป์เบลล์ กับ ธีโอ วัลคอตต์ ลงมาเล่นแทน
จากนั้น อาร์เซนอล พยายามโหมบุกอย่างหนัก กระทั่งนาทีที่ 79 พวกเขาก็มาทำประตูตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะสวนกลับเร็ว และเป็น อเล็กซิส ซานเซส บรรจงแทงทะลุช่องให้ ธีโอ วัลคอตต์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเอี้ยวตัวแปด้วยขวา ส่งบอลสวนตัว เอดูอาร์โด้ เข้าไปอย่างเลือกเย็น ช่วยให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 1-2 แต่ก็ไม่ทัน
การแข่งขันฟตุบอลยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดแรก ที่สนามสตาดิโอน มัคซิเมียร์ ระหว่าง ดินาโม ซาเกร็บ แชมป์ลีกโครเอเซีย เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซนอล ตัวแทนอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
โซรัน มามิช นายใหญ่ซาเกร็บ พาลูกทำสถิติไม่แพ้คู่แข่งรวมทุกรายการเป็นนัดที่ 46 นัดติดต่อกัน แถมไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติ่มแต่อย่างใด ทว่าเกมนี้เลือกเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากเกมลีกนัดล่าสุด 2 ราย โดยส่ง อาริยาน อาเดมี กับ เอล อาร์บี ซูดานี ลงเป็นตัวจริงอีกครั้ง แล้วจัดการพัก มาร์โก้ ร็อก และ อันเจโล เอ็นริเกซ ดาวซัลโวของทีมไว้ที่ข้างสนาม
ขณะที่ อาร์เซนอล ของกุนซือ อาร์แซน เวงเกอร์ โลเตชั่นนักเตะจากเกมลีกหลายตำแหน่งพอสมควร โดยเปิดโอกาสให้ตัวสำรองอย่าง ดาวิด ออสปินา, มาติเยอ เดอบูชี, คีแรน กิ๊บบ์ส, มิเกล อาร์เตต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และใช้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยืนเป็นหน้าเป้าไล่ล่าตาข่ายอีกครั้ง
เริ่มเกมมาเพียง 8 นาที กลายเป็นทีมเยือนอย่าง อาร์เซนอล ที่หาโอกาสเปิดฉากทักทายก่อน จากจังหวะที่ ซานติ กาซอร์ลา เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายเข้ามาในเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ขึ้นโขกเน้นๆเต็มศรีษะ แต่ว่า เอดูอาร์โด้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นโชว์ซูเปอร์เซฟ ด้วยการพุ่งปัดสุดปลายมือออกหลังไป
นาทีที่ 17 อาร์เซนอล มาได้โอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง จากจังหวะที่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนเปิดยัดเข้ากลางให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ชาร์จจังหวะแรกไปชนเสา ก่อนตามซ้ำจ่อๆ แต่ว่าถูก เอดูอาร์โด้ ปัดทิ้งออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด
แต่แล้วนาทีที่ 24 กลับกลายเป็นเจ้าบ้านที่มาทำประตูออกนำไปก่อน จากลูกที่ โดมาญอจ อันโตลิค บรรจงแทลทะลุช่องเข้าไปในกรอบเขตโทาฝั่งซ้ายให้ โจซิป พิวาริซ แตะแต่งหนึงจังหวะ ก่อนแปด้วยซ้ายติดเซฟ ดาวิด ออสปินา แต่ว่าบอลเจ้ากรรมดันกระดอนออกมาโดนหน้าแข้งของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เข้าประตูตัวเองไป ส่งให้ซาเกร็บขึ้นนำ 1-0
ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 40 สถานการณ์ของ อาร์เซนอล เริ่มเลวร้ายหนักไปกว่าเก่า เมื่อเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน จากจังหวะที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ไปทำฟาล์วผู้เล่น ซาเกร็บ บริเวณกลางสนาม ทำให้ผู้ตัดสินไม่รอช้าวิ่งเข้ามาแจกใบเหลืองให้ ชิรูด์ ทันที พร้อมกับเป็นใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไป ก่อนจบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่นยังรักษาสกอร์นำอยู่ 1-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้ไม่นาน นาทีที่ 58 เจ้าบ้านทำประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เปาโล มาชาโด้ เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ จูเนียร์ เฟอร์นันเดซ โฉบโหม่งตัดหน้า โลร็องต์ กอสเซียลนี เข้าไปตุงตาข่าย พร้อมกับเป็นประตูที่ 4 ของเจ้าตัวในรายการนี้อีกด้วย
หลังจากรูปเกมยังไม่ดีขึ้น ทำให้นาทีที่ 65 อาร์แซน เวงเกอร์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่นครบทั้งสามรายทันที โดยถอดเอา คีแรน กิ๊บบ์ส, มิเกล อาร์เตต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง ฟรองซิส โกเกอแล็ง, โจเอล แคมป์เบลล์ กับ ธีโอ วัลคอตต์ ลงมาเล่นแทน
จากนั้น อาร์เซนอล พยายามโหมบุกอย่างหนัก กระทั่งนาทีที่ 79 พวกเขาก็มาทำประตูตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะสวนกลับเร็ว และเป็น อเล็กซิส ซานเซส บรรจงแทงทะลุช่องให้ ธีโอ วัลคอตต์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเอี้ยวตัวแปด้วยขวา ส่งบอลสวนตัว เอดูอาร์โด้ เข้าไปอย่างเลือกเย็น ช่วยให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 1-2 แต่ก็ไม่ทัน
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|