ชุดขาวเจาะมาลาก้าสิบตัวไม่เข้าเจ๊า 0-0
หน้า 1 จาก 1
ชุดขาวเจาะมาลาก้าสิบตัวไม่เข้าเจ๊า 0-0
[b]27 กันยายน 2558[b]
ราฟาเอล เบเนิเตซ กุนซือเจ้าบ้าน ปรับทัพจากเกมก่อนที่บุกไปชนะแอธเลติก บิลเบา 2-1 เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น โดยเป็น นาโช เฟร์นานเดซ และ เฆเซ โรดริเกวซ ที่ได้โอกาสลงเป็น 11 คนแรกแทน เปเป้ กับ มาเตโอ โควาซิช ส่วนสองแนวรุกตัวหลักอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา ยังพร้อมประจำการเหมือนเดิม
ด้านทีมเยือนของ ฆาเบียร์ กราเซีย คาร์ลอส ที่ยังยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวในฤดูกาลนี้ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่หน้าเป้าอย่าง นอร์ดีน อัมราบัต ที่จะลงทำเกมรุกร่วมกับ พาโบล ฟอร์นาลส์, อัดนาเน ติกาดูนี และ ฆวน การ์ลอส
ครึ่งแรกเป็นมาดริดที่ครองบอลบุกเข้าใส่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ การ์ลอส กาเมนี นายด่านมาลาก้าที่โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบได้เลย ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ที่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังก็ยังเป็นราชันชุดขาวที่พับสนามบุกหนักเหมือนเดิม แต่ก็ยังส่งบอลไปกองที่ก้นตาข่ายทีมเยือนไม่ได้เลย แถมยังต้องมาเสีย เฆเซ ที่โชคร้ายบาดเจ็บจนต้องหามเปลออกจากสนามไป โดยเป็น โควาซิช ที่ได้ลงมาเล่นแทน ในนาทีที่ 60
หลังจากนั้นในนาทีที่ 76 เจ้าบ้านพลาดโอกาสในการออกนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ เบนเซมา ซัดด้วยขวาไปติดเซฟ กาเมนี มาเข้าทาง อิสโก้ ล้มตัวยิงซ้ำ ก่อนที่นายด่านชาวแคเมอรูนจับหลุดมือแต่ยังมี เวลิกตอน สไลด์ออกจากเส้นประตูได้หวุดหวิด
ถัดมาแค่นาทีเดียวเท่านั้น มาลาก้า กลับต้องมาเหลือ 10 คน เมื่อ อัมราบัต ไปศอกใส่ มาร์เซโล ในจังหวะที่เบียดแย่งบอลกัน จนถูกผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามไปทันที
จากนั้นแม้ว่าราชันชุดขาวจะตั้งเกมรุกบุกใส่มากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทลายแผงแนวรับของทีมเยือนได้เลย ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอแบบไม่มีสกอร์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยเรอัล มาดริดเก็บเพิ่มเป็น 14 คะแนน หล่นมารั้งที่ 2 ตามหลังจ่าฝูงอย่างบาร์เซโลนาแค่แต้มเดียวเท่านั้น ส่วนมาลาก้ามี 3 คะแนน โดดขึ้นมาอยู่อันดับ 15
ราฟาเอล เบเนิเตซ กุนซือเจ้าบ้าน ปรับทัพจากเกมก่อนที่บุกไปชนะแอธเลติก บิลเบา 2-1 เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น โดยเป็น นาโช เฟร์นานเดซ และ เฆเซ โรดริเกวซ ที่ได้โอกาสลงเป็น 11 คนแรกแทน เปเป้ กับ มาเตโอ โควาซิช ส่วนสองแนวรุกตัวหลักอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา ยังพร้อมประจำการเหมือนเดิม
ด้านทีมเยือนของ ฆาเบียร์ กราเซีย คาร์ลอส ที่ยังยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวในฤดูกาลนี้ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 ฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่หน้าเป้าอย่าง นอร์ดีน อัมราบัต ที่จะลงทำเกมรุกร่วมกับ พาโบล ฟอร์นาลส์, อัดนาเน ติกาดูนี และ ฆวน การ์ลอส
ครึ่งแรกเป็นมาดริดที่ครองบอลบุกเข้าใส่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ การ์ลอส กาเมนี นายด่านมาลาก้าที่โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบได้เลย ทำให้จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ที่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังก็ยังเป็นราชันชุดขาวที่พับสนามบุกหนักเหมือนเดิม แต่ก็ยังส่งบอลไปกองที่ก้นตาข่ายทีมเยือนไม่ได้เลย แถมยังต้องมาเสีย เฆเซ ที่โชคร้ายบาดเจ็บจนต้องหามเปลออกจากสนามไป โดยเป็น โควาซิช ที่ได้ลงมาเล่นแทน ในนาทีที่ 60
หลังจากนั้นในนาทีที่ 76 เจ้าบ้านพลาดโอกาสในการออกนำอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ เบนเซมา ซัดด้วยขวาไปติดเซฟ กาเมนี มาเข้าทาง อิสโก้ ล้มตัวยิงซ้ำ ก่อนที่นายด่านชาวแคเมอรูนจับหลุดมือแต่ยังมี เวลิกตอน สไลด์ออกจากเส้นประตูได้หวุดหวิด
ถัดมาแค่นาทีเดียวเท่านั้น มาลาก้า กลับต้องมาเหลือ 10 คน เมื่อ อัมราบัต ไปศอกใส่ มาร์เซโล ในจังหวะที่เบียดแย่งบอลกัน จนถูกผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามไปทันที
จากนั้นแม้ว่าราชันชุดขาวจะตั้งเกมรุกบุกใส่มากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทลายแผงแนวรับของทีมเยือนได้เลย ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอแบบไม่มีสกอร์ 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยเรอัล มาดริดเก็บเพิ่มเป็น 14 คะแนน หล่นมารั้งที่ 2 ตามหลังจ่าฝูงอย่างบาร์เซโลนาแค่แต้มเดียวเท่านั้น ส่วนมาลาก้ามี 3 คะแนน โดดขึ้นมาอยู่อันดับ 15
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|