Soccer News
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Football LTD by Jackie

Go down

Football LTD  by  Jackie Empty Football LTD by Jackie

ตั้งหัวข้อ by Admin Sun Sep 20, 2015 8:05 pm

ขอบคุณ : Siamsport


มีประเด็นข่าวลือเรื่องความเคลื่อนไหวในตลาดธุรกิจฟุตบอลออกมาพร้อมกันสองสามเรื่อง

อาร์เซน่อล มีทุน 200 ล้านปอนด์สำรองในแบงก์....เงินก้อนนี้จะทำให้พร้อมทุ่มทุนดึงนักเตะระดับโลกมาร่วมทีมหรือไม่...น่าสนใจ

มีข่าวลือว่า FSG โดย นายจอห์น เฮนรี่ บินไปดูไบ เพื่อดูข้อเสนอการซื้อทีมลิเวอร์พูลของราชวงศ์ดูไบ (มีเสียงปรบมือเฮรัวๆๆๆ)

แฟนผีไม่พอใจเจ้าของทีมมีแต่รับทรัพย์เข้ากระเป๋าตัวเอง ส่วนสโมสรเป็นหนี้ เอ๊ะ ยังไง

ประเด็นแรกเงิน 200 ล้านปอนด์ในกองคลังอาร์เซน่อลได้รับการเปิดเผยจากฝ่ายบัญชีของพวกเขาว่า ปีที่ผ่านมามีกำไร 25 ล้านปอนด์ นี่คือตัวเลขที่แจกแจงระหว่างพ.ค. 2014-พ.ค. 2015 ทั้งที่พวกเขาใช้เงินซื้อนักเตะไป 114 ล้านปอนด์

นั่นคือสถานะภาพทางการเงินของอาร์เซน่อลดูมั่นคง มีเงินสำรองเกือบ 200 ล้านปอนด์ แต่นั่นไม่ใช่เม็ดเงินที่สโมสรจะนำมาทุ่มทุนซื้อนักเตะเสริมทีม นี่คือเงินสำรองที่พร้อมนำออกมาใช้จ่ายหากการหมุนเวียนของกระแสเงินไม่คล่องตัว

เรียกว่า...ปืนใหญ่เก็บเงินก้อนนี้ไว้ใช้ยามยาก...ไม่ใช่เอามาซื้อนักเตะ

กลุ่มแฟนบอลอาร์เซน่อลที่อังกฤษ คือ Arsenal Independent Supporters' Association ไม่เห็นด้วยและปลื้มกับตัวเลขนี้ เพราะพวกเขาคิดว่าสโมสรน่าจะนำมาลงทุนกับศักยภาพของทีมซะมากกว่าที่จะมาโชว์ว่าทีมมีกำไร

มองมุมแฟนบอลคือ...บริหารงานเป็นกำไรฝ่ายได้ประโยชน์คือกลุ่มทุนที่ดูแลทีม เหมือนพวกเขาตั้งใจบริหารเพื่อเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่ผลงานของทีมกลับไม่คืบหน้าไม่มีความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปี

จุดนี้ทำให้แฟนบอลปืนใหญ่เริ่มเบื่อหน่ายกับ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่แม้จะทำหน้าที่ได้ดีแต่ก็ยังไม่ดีพอในยุคปัจจุบัน เหมือนเวนเกอร์ทำงานตามนโยบายรัดเข็มขัด จะซื้อเมื่อขาดแคลน ไม่ใช่ซื้อเพื่อนำนักเตะมาทำให้ทีมประสบความสำเร็จ

มองคนละมุม

เรื่องนี้ อีวาน กาซิดิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาร์เซน่อลยืนยันว่า เงินสำรองเอาไว้ใช้รอบด้านไม่ใช่นำมาซื้อนักเตะ เพราะทีมต้องการพัฒนาเชิงนโยบายไปพร้อมๆ กันกับเกมฟุตบอล มีเรื่องงบประมาณกับเยาวชน, มีเรื่องรูปแบบการเล่นของทีม รวมทั้งการดูแลชุมชนแฟนปืนใหญ่อันเป็นพันธะระหว่างสโมสรกับแฟนๆ

กล่าวคือ... อาร์เซน่อลปลอดหนี้ระยะสั้นแน่นอน มีเงินสำรองจ่าย 200 ล้านปอนด์ มีกำไรเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา เชิงธุรกิจฟุตบอลถือว่าพวกเขาโอเค ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด เพราะบริหารรทีมแล้วได้กำไรในวันนี้หายาก
มีทีมเดียวคืออาร์เซน่อล

มุมของแฟนบอลบอกเซ็งงงง....จะโชว์รวยทำไม ในเมื่อไม่ยอมซื้อนักเตะระดับบิ๊กเนมมาเพื่อทำให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือนที่แมนฯ ซิตี้ สร้างความแข็งแกร่งตรงนั้น

อืมม....ติดตามดูว่าธุรกิจฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จของอาร์เซน่อล จะมีส่วนผลักดันให้ทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดหรือไม่

ส่วนทางด้าน ''ปีศาจแดง'' แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีปัญหาคาใจระหว่างกลุ่มแฟนผีที่อังกฤษกับครอบครัวเกลเซอร์ ผู้ที่ไปกู้เงินแบงก์ในสหรัฐอเมริกามาซื้อทีม ก่อนจะแยกส่วนบริษัทกันระหว่างบริษัทที่บริหารทีมกับบริษัทแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำกัด มหาชน

ล่าสุด มีการปันผลหุ้น 16 ล้านปอนด์ของแมนฯ ยูฯ พีแอลซีให้ผู้ถือหุ้นในครอบครัวเกลเซอร์ ข่าวบอกว่าแต่ละไตรมาส มีการปันผลหุ้น 0.045 เซนต์ส (0.03 ปอนด์) ให้ผู้ถือหุ้น นับจากแมนฯ ยูฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์กเมื่อปี 2012 (เมื่อก่อนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ยูเค)

ถ้าดูจำนวนหุ้นของแมนฯ ยูฯ ทั้งหมดมี 164 ล้านหุ้น อยู่ในครอบครัวเกลเซอร์...มีถึง 83% ซึ่งเป็นหุ้นที่ถูกจำแนกว่าเป็น คลาส บี ขณะที่อีก 17% เป็นคลาส เอ ซึ่งโฆษกของสโมสรระบุว่าจะมีการเปิดขายอีกกว่า 24 ล้านหุ้น

นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ ทั้งสามไตรมาสครอบครัวเกลเซอร์ จะได้เงินปันผลรวมแล้ว 15.79 ล้านปอนด์ หรือ 16 ล้านปอนด์นั่นแหละ กลุ่มแฟนบอลแมนฯ ยูฯ ที่อังกฤษคือ Manchester United Supporters' Trust ไม่แฮปปี้อย่างมาก

พวกเขาบอกเหมือนเอาเกลือโรยแผล...ยิ่งทำให้เแสบเข้าไปกันใหญ่...แน่นอนแฟนบอลมองว่า ''กำไร'' ของทีมต้องคืนสู่ทีม

แฟนผีบอกว่าหลังจากมีการทำแผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือรีไฟแนนส์ทีมในปีนี้อีกครั้ง ทำให้ลดรายจ่ายดอกเบี้ยไปถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี นั่นอาจเป็นผลงาน แต่ภาพรวมตระกูลเกลลเซอร์ นั่งทับสินทรัพย์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟุตบอล คลับ ที่มีมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านปอนด์

ภาระหนี้ของแมนฯ ยูฯ ลดลงไป 50% ตอนนี้ยังคงเหลือหนี้จำนวน 400 ล้านปอนด์ ซึ่งการบริหารหนี้ของเกลเซอร์นับว่าไหลลื่น ลดภาระค่าใช้จ่ายลงเยอะ หนี้ก็หายไปครึ่งหนึ่งจากที่ซื้อทีมตอนแรก 800 ล้านปอนด์

แฟนผีไม่แฮปปี้ และบอกว่า เกลเซอร์ได้กำไรเข้ากระเป๋าตัวเองทุกปี ค่อนข้างโลภมาก

ส่วนเรื่องการลงทุนในปีนี้ซื้อนักเตะใหม่ 6 คนใช้เงินไป 113.7 ล้านปอนด์ แต่ได้คืนกลับมาจากการขายออกไปจำนวน 74 ล้านปอนด์ (รวมทั้ง อังเคล ดิ มาเรีย ด้วย) เท่ากับใช้เงินลงทุนไม่มากในการซื้อนักเตะ

การกลับมาเล่นชปล. ในปีนี้น่าจะชดเชยก้อนเงินที่หายไปเมื่อปีก่อน 38 ล้านปอนด์ และมีแนวโน้มว่าจะได้เงินก้อนโตกลับคืนสู่ทีม ซึ่งจุดนี้แฟนผีที่อังกฤษบอก เงินอาจไหลจากชปล.ไปอเมริกาโน่นเลย

ปัญหาเรื่องการเงินของปืนกับผี คนละมุมนะครับ ลองสังเกตดีๆ

ส่วนปัญหาของ ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล เวลานี้ น่าจะอยู่ที่ผลงานของทีม รูปแบบการเล่น และความสามารถของโค้ชกับนักเตะ ในขณะที่งานเชิงบริหารนั้น จอห์น เฮนรี่ และกลุ่มทุน FSG ของเขาทำหน้าที่ได้ดี

พวกเขาบริหารการเงินคล่องตัว ไม่สะดุด ภาระดอกเบี้ยลดลง ยอดหนี้ลดตาม และกำลังเข้าสู่วิถีของการทำธุรกิจประเภทซื้อมาขายไป ซึ่งเชื่อว่า FSG ประเมินสถานะการณ์ใน 3 ปีล่าสุด พวกเขาทำให้ทีมมีความมั่นคงในเรื่องธุรกิจก่อน

มีโปรเจกต์ขยายสนามและเพิ่มความจุ แน่นอนโปรเจกต์นี้คือการสร้างมูลค่าของทีมเพื่อที่ FSG จะบวกตัวเลขหากพวกเขาคิดขายทีมเพื่อฟันกำไร อย่าลืมว่าถ้า... จอห์น เฮนรี่ ขายทีม เขาจะได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองมหาศาล เพราะพวกเขาได้ทีมมาจากการที่ศาลขายสโมสรทอดตลาดในราคาไม่ถึง 300 ล้านปอนด์

ช่วงนั้นคงจำกันได้ปัญหาของ ทอม ฮิคส์ และ จอร์ช จิลเล็ตต์ ที่โดนแฟนหงส์ในอังกฤษรวมตัวขับไล่ และได้จังหวะที่สองคนนี้บริหารทีมผิดพลาดจนไม่มีเงินหมุนไปชำระหนี้กับแบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ จนเป็นที่มาของการขายสโมสรทอดตลาดในที่สุด

นั่นจึงทำให้เฮนรี่ได้ทีมมาในราคาถูกมาก และถ้าพี่เขาขาย...ก็ฟันเละ

มีข่าวว่า....เขาจะบินไปดูไบเพื่อคุยกับราชวงศ์ดูไบที่สนใจจะทำธุรกิจในทีมลิเวอร์พูลและรีแบรนดิ้ง หงส์แดงให้กลับคืนสู่ยุทธภพอีกครั้ง (เหมือนหนังจีนเลย)

ราชวงศ์ดูไบ คือ อัล มาคทูม กำลังขยับขยายธุรกิจข้ามชาติ หลังจากราคาน้ำมันตกลงอย่างน่าตกใจ พวกเขากำลังคุยกับตัวแทนของลิเวอร์พูล และ จอห์น เฮนรี่ บินมาดูไบเพื่อคุยกันอย่างละเอียดกับตัวแทนของราชวงศ์คือ มาร์วาน อเบเดิน ซึ่งนั่งในบอร์ดบริหารกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดูไบ

ข่าวนี้ยังไม่มีใครยืนยันว่า ''จริง'' นอกจากอ้าง ''แหล่งข่าว'' คนใกล้ชิดในราชวงศ์อัล มาคทูม เท่านั้นเอง เรื่องนี้ต้องมอนิเตอร์กันต่อ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า FSG น่าจะได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองจากการขายลิเวอร์พูล 450 ล้านปอนด์

แฟนหงส์คงต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด...ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีสำหรับการเปลี่ยนมือเจ้าของทีมใหม่....แต่ที่แน่ๆ ถ้าเปลี่ยนเจ้าของใหม่ มันก็คงสร้างความหวังใหม่ให้กับเด็กหงส์อีกครั้งอย่างแน่นอน

Jackie

Admin
Admin

จำนวนข้อความ : 814
Join date : 10/09/2015

https://soccernews.thai-forum.net

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน

- Similar topics

 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ